คนที่คุณอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ระหว่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือ กรณ์ จาติกวณิช
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธาเกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2523[1] เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาพี่น้อง 2 คนของ นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ และยังมีศักดิ์เป็นหลานลุงของนาย ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และตามใจ ขำภโต อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นญาติฝ่ายมารดา[2] โดยมีน้องชาย 1 คนคือ เทียน-ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ พิธา เข้าเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น จากนั้นไปศึกษาต่อชั้นมัธยมตอนปลายที่ประเทศนิวซีแลนด์ และจบปริญญาตรี สาขาการเงิน (ภาคภาษาอังกฤษ) เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท การเมืองการปกครอง สาขาการบริหารภาครัฐ ที่ John F. Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปริญญาโท การบริหารธุรกิจ Sloan สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ งานการเมืองพิธาก้าวเข้าสู่วงการเมืองด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งแรกที่ลงรับเลือกตั้ง การอภิปรายครั้งแรกในสภาของเขาเรื่องนโยบายทางการเกษตรของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหา กระดุม 5 เม็ด ได้รับการตอบรับที่ดีจาก ประชาชน ผู้ชมผู้ฟังการประชุมสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึงขนาดที่ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังเอ่ยปากชื่นชม[8] ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ในวันที่ 8 มีนาคม พิธาก็ได้ย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกลร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีก 54 คน โดยพิธาจะเป็นหัวหน้าพรรค
Statistics for this Xoptio
กรณ์ จาติกวณิช
กรณ์ จาติกวณิช (เกิด: 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507) เป็นหัวหน้า พรรคกล้า อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองหัวหน้าตามภารกิจ พรรคประชาธิปัตย์ อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากรูปร่างที่สูงถึง 193 เซนติเมตร ทำให้ได้สมญานามจากสื่อมวลชนว่า "หล่อโย่ง" ซึ่งตั้งให้เข้าชุดกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีสมญานาม "หล่อใหญ่" และสมาชิกพรรครุ่นใหม่คนอื่นๆ เช่น อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับสมญานามว่า "หล่อเล็ก" และหม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล ที่ได้รับสมญานามว่า "หล่อจิ๋ว" ต้นปี พ.ศ. 2549 กรณ์ จาติกวณิช มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ปของ ตระกูลชินวัตร และดามาพงษ์ โดยได้รับมอบหมายจากพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ป ซึ่งการขายหุ้นดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในประเด็นการซุกหุ้น และหลีกเลี่ยงภาษี จนนำไปสู่คำพิพากษาตัดสินยึดทรัพย์อดีตนายกฯ ในที่สุด ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 กรณ์ชนะการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ในเขตเลือกตั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร (เขตบางคอแหลม ยานนาวา คลองเตย และวัฒนา) และภายหลังการจัดตั้ง รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้ พรรคประชาธิปัตย์ มีสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวในสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์จึงประกาศจัดตั้ง คณะรัฐมนตรีเงา หรือ ครม.เงา ขึ้น เพื่อติดตามตรวจสอบ และเสนอแนะการบริหารงานของรัฐบาล ตามรูปแบบที่มีในต่างประเทศ กรณ์ในฐานะแกนนำทีมเศรษฐกิจ ได้รับเลือกจากทางพรรคให้ทำหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเงา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามข้อบังคับพรรค และ กรณ์ จาติกวณิช ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบดูแลพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ทางด้านการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร กรณ์ จาติกวณิช ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ต่อมาเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 กรณ์ จาติกวณิช ได้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง [1] ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ครม.คณะที่ 59) ช่วงปี 2551-2553 ประเทศไทยประสบวิกฤตการเงินโลกแฮมเบอร์เกอร์ที่ลุกลามมาจากสหรัฐอเมริกา กรณ์ จาติกวณิช ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลแก้ไขวิกฤตด้วยมาตรการไทยเข้มแข็ง จนกระทั่งประเทศไทยฟื้นจากวิกฤตเร็วเป็นอันดับ 2 ของโลก พลิกตัวเลข GDP จากติดลบสองหลักเป็นบวก 7.8% ภาคการส่งออกเติบโตก้าวกระโดด 28.5% จนนายกรณ์ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังโลก โดยนิตยสารเครือ The Banker : Financial Times คนแรกของประเทศไทย ใน การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นายกรณ์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ แต่ในการประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 นายกรณ์กลับไม่ได้ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ต่อมาในวันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563 นายกรณ์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีผลในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563