เลือกอะไร เหรียญคริปโตที่คนไทยนิยมลงทุน ระหว่าง Ethereum หรือ Binance Coin
Ethereum (ETH)
Ethereum 2.0 หรือ ETH2 หรือ “Serenity” เป็นซึ่งเป็นการอัพเกรดในส่วนสุดท้ายหลังจาก Frontier, Homestead และ Metropolis โดยในเวอร์ชันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความเร็ว ประสิทธิภาพ และความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่าย Ethereum เพื่อให้สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้นและลดปัญหาคอขวด Ethereum 1.0 นั้นใช้กลไก consensus ที่เรียกว่า Proof of work (PoW) แต่ Ethereum 2.0 จะเปลี่ยนไปใช้กลไก Proof of Stake (PoS) Blockchains เช่น Ethereum จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมฉันทามติ เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ในปัจจุบันที่ใช้กลไกที่เรียกว่า Proof of Work (PoW) ในระบบ PoW นักขุดจะใช้พลังประมวลผลของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เพื่อไขปริศนาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนและตรวจสอบธุรกรรมใหม่ โดยนักขุดคนแรกที่ไขปริศนาได้ และบันทึกธุรกรรมทั้งหมดที่ประกอบกันเป็นบล็อกเชน จากนั้นพวกเขาจะได้รับรางวัลเป็น ETH อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้อาจต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากพอสมควร ขณะที่ Proof of Stake (PoS) นั้นแตกต่างกันออกไป โดยแทนที่จะเป็นผู้ขุดที่เป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมจะเป็น validator ที่จะทำการ stake crypto เพื่อสิทธิ์ในการตรวจสอบการทำธุรกรรมโดยพิจารณาจากจำนวนเงินที่พวกเขาถือครองและระยะเวลาที่เก็บไว้ จากนั้น validator อื่น ๆ จะต้องยืนยันได้ว่าพวกเขาเห็นบล็อก เมื่อมีการยืนยันเพียงพอก็สามารถเพิ่มบล็อกลงใน blockchain ได้ จากนั้น validator จะได้รับรางวัลสำหรับบล็อกที่ประสบความสำเร็จ กระบวนการนี้เรียกว่า “forging” หรือ “minting”
Statistics for this Xoptio
Binance Coin (BNB)
ไบแนนซ์ คอยน์ (Binance Coin) เปิดตัวในปี 2017 โดยเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นโดย “Binance” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Binance มีเป้าหมายที่จะทำให้สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็น เหรียญ BNB เป็นโทเคนดั้งเดิม (Native Token) บนระบบนิเวศของ Binance ที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม Binance โดยผู้ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม Binance จะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหากใช้เหรียญ BNB นั่นเอง โดยเริ่มแรกเหรียญ BNB ทำงานบน Ethereum Blockchain ด้วยมาตรฐาน ERC-20 แต่ในระหว่างการเสนอขายเหรียญเริ่มต้น (ICO) ในเดือนกรกฎาคม 2017 ก็ได้เปลี่ยนไปใช้ “Binance Chain” (BEP2) ที่พัฒนาโดย Binance เอง Binance จะนำกำไรของบริษัท 20% มาดำเนินการ “เผา” เหรียญ BNB ทิ้งในทุก ๆ ไตรมาสเพื่อลดปริมาณการหมุนเวียนของเหรียญ BNB ไม่ให้เกิดการล้นตลาด และรักษามูลค่าให้กับเหรียญ ทำให้อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) มีความสมดุลกัน โดยจะซื้อคืนจนกว่าจะเหลือ 50% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งล่าสุดในช่วงเดือนเมษายนปี 2022 ที่ผ่านมาก็ได้มีการเผาเหรียญเป็นครั้งที่ 19 ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย