เลือกอะไร เหรียญคริปโตที่คนไทยนิยมลงทุน ระหว่าง BITCOIN หรือ Ethereum
BITCOIN (BTC)
Bitcoin (อ่านว่าบิทคอยน์) คือสกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลุ่มนักพัฒนาเล็กๆกลุ่มหนึ่งตลอดจนบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก โดยระบบของ Bitcoin ถูกรันโดยคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการถอดสมการคณิตศาสตร์ Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่าคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) Bitcoin สามารถใช้แทนเงินสดซื้อสินค้าออนไลน์ อาจคล้ายกับระบบซื้อขายผ่านอินเทอร์เนตทั่วๆไปที่ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม ความพิเศษของ Bitcoin ที่เป็นตัวช่วยให้มันเป็นที่นิยมคือมันถูกควบคุมแบบกระจาย (decentralize) กล่าวคือไม่มีสถาบันการเงินไหนสามารถควบคุมบิทคอยได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้คนที่เลือกใช้ Bitcoin ส่วนใหญ่สบายใจเนื่องจากแม้แต่ธนาคารก็ไม่สามารถควบคุม Bitcoin ได้
Statistics for this Xoptio
Ethereum (ETH)
Ethereum 2.0 หรือ ETH2 หรือ “Serenity” เป็นซึ่งเป็นการอัพเกรดในส่วนสุดท้ายหลังจาก Frontier, Homestead และ Metropolis โดยในเวอร์ชันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความเร็ว ประสิทธิภาพ และความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่าย Ethereum เพื่อให้สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้นและลดปัญหาคอขวด Ethereum 1.0 นั้นใช้กลไก consensus ที่เรียกว่า Proof of work (PoW) แต่ Ethereum 2.0 จะเปลี่ยนไปใช้กลไก Proof of Stake (PoS) Blockchains เช่น Ethereum จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมฉันทามติ เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ในปัจจุบันที่ใช้กลไกที่เรียกว่า Proof of Work (PoW) ในระบบ PoW นักขุดจะใช้พลังประมวลผลของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เพื่อไขปริศนาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนและตรวจสอบธุรกรรมใหม่ โดยนักขุดคนแรกที่ไขปริศนาได้ และบันทึกธุรกรรมทั้งหมดที่ประกอบกันเป็นบล็อกเชน จากนั้นพวกเขาจะได้รับรางวัลเป็น ETH อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้อาจต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากพอสมควร ขณะที่ Proof of Stake (PoS) นั้นแตกต่างกันออกไป โดยแทนที่จะเป็นผู้ขุดที่เป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมจะเป็น validator ที่จะทำการ stake crypto เพื่อสิทธิ์ในการตรวจสอบการทำธุรกรรมโดยพิจารณาจากจำนวนเงินที่พวกเขาถือครองและระยะเวลาที่เก็บไว้ จากนั้น validator อื่น ๆ จะต้องยืนยันได้ว่าพวกเขาเห็นบล็อก เมื่อมีการยืนยันเพียงพอก็สามารถเพิ่มบล็อกลงใน blockchain ได้ จากนั้น validator จะได้รับรางวัลสำหรับบล็อกที่ประสบความสำเร็จ กระบวนการนี้เรียกว่า “forging” หรือ “minting”